14/5/52

ตอนที่ 2: เมื่อขาพ่อเริ่มกระตุก




หกเดือนแล้วที่บ้านฉันมุ่งหาสาเหตุอาการล้มของพ่อ บ้างก็เถียงกันว่า วิธีการเดินของพ่อนั่นแหละผิด

"ใครเขาเดินเอาส้นเท้าลง เดี๋ยวก็กระดูกเข่าเสื่อมหรอก ต้องเอาปลายเท้าลงก่อนสิ จะได้รู้จักผ่อนน้ำหนัก"

เสียงแม่ร้องเตือนพ่อเป็นประจำทุกวัน

แม่ดูเป็นห่วงอาการของพ่อ รบเร้าให้ไปหาหมอคนใหม่ คราวนี้ได้หมอที่เคยเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพฯ จบจากเยอรมัน

ไปถึงร้านหมอ หมอถามอาการแล้วก็บอกว่า

"คุณต้องกายภาพนะ เพราะกระดูกทับเส้น ต้องมาดึงกระดูกทุกวันเสาร์และพุธ" คุณหมอนัด

จากนั้น ทุกๆวันพุธและวันเสาร์เราก็ไปที่คลีนิคหมอกัน

คุณหมอท่านนี้เคยรักษาคุณยายที่เคยกระดูกหักสามท่อน ให้เดินเป็นปกติ

รักษาเพื่อนคุณพ่อฉันที่ขับรถตกสะพาน แล้วคอขยับเขยื่อนไม่ได้ โดยไม่ต้องตัดกระดูกคอทิ้งหนึ่งข้อตามที่หมอบางท่านบอก ให้หายได้ ดีกรีนั้นยาวเหยียด เรียกว่า เราค้นหาสุดยอดหมอที่ดีที่สุดให้พ่อเลยทีเดียว

จากการถามคนรอบตัว ความหวังอันเต็มเปี่ยมของแม่ ที่จะให้พ่อหายได้

คลีนิคหมอมีเครื่องมือมากมาย มีคนไข้มาดึงส่วนต่างๆ ส่วนใหญ่เพราะเป็นโรคกระดูกทับเส้น

วิธีนี้ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด พวกเราเข้าไปนั่งดูเครื่องโน้นนี้ จนรู้จักคุณป้า คุณยาย และอีกหลายๆคนไปทั้งห้อง

ทุกคนแลกเปลี่ยนเรื่องโรค อาการของตนกันอย่างครื้นเครง และพูดเรื่องหมอคนโน้นนี้กันมากมาย

ดูๆก็เป็นสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน

พ่อของฉันทำอยู่หกเดือนเต็ม แต่อาการของพ่อก็ไม่ดีขึ้นเลย พ่อหยุดไป แม่ก็บอกว่า "กายภาพมันต้องใช้เวลานะ บางคนเป็นปีๆ นี่หกเดือนจะหยุดซะแล้ว" เสียงแม่คงบ่นพ่อต่อไป

พ่อดูท้อถอย และบอกกับแม่ว่า "เฮียว่าอาการมันทรุดลง" พ่อบอก

"ทรุดลงยังไง" แม่หยุดบ่นและถามด้วยความห่วงใย

"รู้สึกว่าขามันอ่อนลง" พ่อพูดเสียงอ่อนๆ "หมอคงวินิจฉัยผิด"

"หมอคนนี้เขาเก่งนะ ใครๆก็หายมามาก ไม่ลองดูอีกสักพักหรือป๊า" แม่ถาม

"คงไม่แล้ว" พ่อบอก

"งั้นก็เปลี่ยนหมอ" แม่ตัดสินใจ

แล้วแม่ก็เริ่มมหกรรม ถามๆๆ อีกครั้งหนึ่ง

ค่ำนั้นพ่อฟังสารคดีของโมฮาหมัด อาลี เขาเป็นโรคพากิมสัน

"น้อง เฮียอาจเป็นโรคพากิมสันนะ "พ่อบอกแม่ พ่อฉันมักเรียกแม่ว่าน้องเสมอและใช้แทนตัวเองว่าเฮีย

"เฮียว่า อาการมันเหมือนๆกัน ตอนนี้ขาเริ่มมีกระตุกๆ." พ่อลงความเห็น

"งั้นพรุ่งนี้ไปถามหมอ เปลี่ยนหมอแล้วกัน ลองดู" แม่แนะนำ

วันรุ่งขึ้น พวกเราก็พาพ่อไปหาหมอที่ใหม่

คราวนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของเมืองไทย แพงลิบ แต่ได้ชื่อว่ารวมหมอเก่งๆไว้

หมอคนใหม่ ให้เราไป MRI เป็นเครื่องใหญ่ๆ ที่ไว้ตรวจข้างในร่างกายคนเราโดยใช้คลื่นแม่เหล้กไฟฟ้า

ดูว่า มีกระดูกทับเส้น หรือเนื้องอกมาทับเส้นประสาทอะไรหรือเปล่า ค่าตรวจ ครั้งละห้าหมื่นกว่าทีเดียว

ถ้ารู้สาเหตุคงเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับเงินขนาดนี้

การ MRI จะมีเครื่องมือใหญ่ๆ ให้คนเข้าไปได้ คนป่วยต้องนอนเฉยๆไม่กระดุกกระดิก

แล้วเครื่องก็จะแสกนทุกมุม ครั้งแรกหมอสั่งให้แสกนกระดูกส่วนบนตั้งแต่คอลงมา

การแสกนมีสองแบบ แบบฉีดสีกับไม่ฉีดสี ฉีดสีจะทำให้เห็นชัดเจนขึ้น แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ด้วยความอยากรู้แน่ชัด พ่อเลยเลือกแบบฉีดสี และการรอคอยผลการตรวจ MRI ก็เริ่มขึ้น แม่ก็เริ่มหาข้อมูลจากคนไข้ที่มารอตรวจ บางรายก็ว่า เมื่อก่อนเขาก็เป็นแบบพ่อ หาสาเหตุไม่เจอ พอดีไปอัลตร้าซาวที่สมอง

เลยพบว่าเส้นประสาทที่สมองมันสปาร์ก เหมือนซ็อต เลยสั่งการไม่ดี ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เดินได้แล้ว แม่เก็บข้อมูล ถามถึงหมอที่เก่งทางนี้ คนไข้บ้าง ญาติคนไข้บ้าง ก็แนะนำหมอจากโรงพยาบาลโน้นนี้กันไปตามเรื่อง ต่างก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

เสียงพยาบาลเรียกพ่อเข้าไปพบ

"หมอไม่พบความผิดปกติใดใดจากการMRI นะครับ" หมอบอกพ่อกับแม่

"หมอครับ ผมน่ะเป็นโรคพากิมสันหรือเปล่า ผมเริ่มมีอาการกระตุกๆนิดๆนะครับ"พ่อพูดกับหมอ

หมอเลยบอก ให้พ่อไปนั่งที่ขอบเตียงตรวจ แล้วก็เคาะๆ จากนั้นก็เอาเข็มไปจิ้มๆ แล้วถามพ่อว่าเจ็บไหม

ทุกๆอย่าง พ่อรับรู้ตามปกติ พ่อเจ็บ และตอบสนองอย่างที่คนปกติควรจะเป็นทุกอย่าง

สรุปคือ พ่อไม่ได้เป็นพากิมสันและไม่มีอาการบ่งชี้ของโรคอัมพาต

"ส่งคุณ.......ไปหาหมอด้านสมองนะ" นี่คือคำวินิจฉัยของหมอ

จากหมอกระดูก สู่หมอด้านสมอง..............................





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น